การสอนภาษาไทยไม่ได้มุงหวังเพียงเพื่อการอ่านออกเขียนได้เท่านั้น ยังต้องการให้ผู้เรียนสามารถ ใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่วในทุกทักษะตามวัย ตามความสามารถของผู้เรียน และต้องสอนให้ผู้เรียนเกิดนิสัยรักการอ่าน มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษาและวรรณคดี ทั้งในแง่ที่เป็นวัฒนธรรมประจำชาติและในแง่ที่ส่งเสริมความงามในชีวิต
การพัฒนาทักษะทางภาษา หมายถึง การจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยกลวิธีต่างๆ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาในการสื่อสาร และเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้อย่างคล่องแคล่วเหมาะสมกับวัย ระดับชั้นและเต็มตามศักยภาพ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551กล่าวถึง เีรียนรู้อะไรในภาษาไทย เพื่อให้ครูภาษาไทยถอดรหัสนำไปสู่กระบวนการเรียนรู้หรือวิธีการเรียนรู้แก่ลูกศิษย์ต่อไป โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ (กระทรวงศึกษาธิการ,2551 : 1-2)
1. การอ่าน การอ่านออกเสียง ประโยค การอ่านบทร้อยแก้ว คำประพันธ์ต่างๆ การอ่านในใจเพื่อสร้างความเข้าใจ และการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้จากสิ่งที่อ่าน เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิต
ประจำวัน (โดยใช้กระบวนการอ่าน และสร้างนิสัยรักการอ่านแก่ผู้เรียน)
2. การเขียน การเขียนสะกดคำตามอักขรวิธี การเขียนสื่อสารรูปแบบต่างๆ เช่น การเขียนเรียงความ ย่อความ เขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า เขียนตามจินตนาการ เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ เขียนเชิงสร้างสรรค์(โดยใช้กระบวนการเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ)
3. การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก พูดลำดับเรื่องราวต่างๆอย่างเป็นเหตูเป็นผล การพูดในโอกาสต่างๆทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการและพูดเพื่อโน้มน้าวใจ
4. หลักการใช้ภาษา ศึกษาธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสมกับโอกาสและบุคคล การแต่งบทประพันธ์ประเภทต่างๆและอิทธิพลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ( โดยมีความภูมิใจในภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ)
5. วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อศึกษาข้อมูล แนวคิด คุณค่าของงานประพันธ์ และเพื่อความเพลิดเพลิน การเรียนรู้และทำความเข้าใจบทเห่ บทร้องเล่นของเด็ก เพลงพื้นบ้านที่เป็นภูมิปัญญาที่มีคุณค่าของไทย ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี เรื่องราวของสังคมในอดีต และความงามทางภาษา เพื่อให้เกิดความซาบซึ้งและภูมิใจในบรรพบุนุษที่ได้สั่งสมสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน(โดยนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง)
เนื่องจากทักษะภาษาเป็นสิ่งที่เกิดจากการเรียนรู้และสามารถฝึกฝนให้เกิดทักษะหรือความชำนาญคล่องแคล่วได้ เพียงแต่ครูผู้สอนพยายามแสวงหากลวิธี/วิธีฝึกทักษะทางภาษาให้เหมาะสมกับผู้เรียน โดยมีข้อควรคำนึงดังนี้
* ฝึกการใช้ภาษาโดยการฝึกปฏิบัติจริง
* ใช้เวลาในการฝึกที่พอเหมาะและต่อเนื่อง
* ฝึกโดยใช้กิจกรรมที่หลากหลายที่สัมพันธ์กับพื้นฐานประสบการณ์ของผู้เรียนโดยลำดับจากง่ายไปหายาก
* สาระการเรียนรู้/เนื้อหาที่ใช้ในการฝึก เป็นการถ่ายโยงการเรียนรู้ภาษา
* การให้ข้อมูลย้อนกลับแก่นักเรียนด้วยวิธีการที่เหมาะสมโดยให้เด็กรู้จุดบกพร่องของตนกระตุ้นให้สนใจแก้ไข และภูมิใจที่สามารถพัฒนาตนเองได้
เรารักกันนะ.......สามัคคีคือพลัง...จ้า |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น