"ในตอนนี้...เป็นการนำเสนอแนวคิดของหน่วยงานของต่างประเทศที่กล่าวถึงขั้นตอน 7 ขั้นในงานเขียนที่ครูควรมอบหมายให้นักเรียนดำเนินการในกระบวนการเขียน เชิญติดตามค่ะ"
Educational Public Service (2010:Online) เสนอขั้นตอนต่างๆ 7 ขั้น ในงานเขียนที่นักเรียนได้รับมอบหมายจากครู แต่ละขั้นมีการดำเนินการดังต่อไปนี้
1.การพัฒนาเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องที่จะเขียน(Developing your topic)ในกรณีที่ครูไม่ได้กำหนดหัวข้อเรื่องให้ นักเรียนจะเลือกหัวข้อเรื่องจากเรื่องที่ตนสนใจ หรือ อยากรู้อยากเห็น เช่น จากการศึกษาค้นคว้าจากตำราหรืองานอดิเรกเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เมื่อกำหนดหัวเรื่องได้แล้วนักเรียนจะเขียนความคิดหลักเกี่ยวกับเรื่อง แล้วดำเนินการดังนี้
1.1 จดความคิดหลักเป็นวลี หรือคำ หรือคำที่สำคัญ แล้วจัดทำเป็นแผนที่ความคิด(Concept map)
1.2 บอกถึงสิ่งที่นักเรียนต้องการทำเกี่ยวกับความคิดนั้น เช่น ต้องการเขียนความเรียงเชิงโน้มน้าว หรือเขียนอธิบาย หรือตามที่ครูกำหนดงานไว้
1.3 บอกถึงแหล่งค้นคว้าที่นักเรียนจะสืบค้นสารสนเทศ อาจเริ่มจากสารานุกรม แล้วขยายวงกว้างไปสู่แหล่งอื่นๆ รวมทั้งบุคคลและองค์กรที่เป็นผู้รู้
1.4 สรุปความเกี่ยวกับหัวเรื่อง แล้วนำไปปรึกษาหารือกับครู เพื่อได้ข้อมูลย้อนกลับที่ทำให้เข้าใจกระจ่างมากยิ่งขึ้น หรือได้ความคิดใหม่ๆ
2. การกำหนดผู้อ่าน(Identify your audience) กลุ่มผู้อ่านจะทำให้รูปแบบการเขียนและคำศัพท์ที่ใช้แตกต่างกันไป เช่นการเขียนเรื่องกีฬาให้เพื่อนนักเรียนอ่านกับการเขียนให้ผู้ปกครองอ่านจะแตกต่างกัน
3. การศึกษาค้นคว้า(Research) เป็นขั้นการรวบรวมสารสนเทศและจดบันทึก ทั้งจากการสัมภาษณ์ การอ่าน การทดลอง การเก็บข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
4. การเรียบเรียงความคิดและการเตรียมการก่อนเขียน(Organize and prewrite) เป็นขั้นที่จะสรุปถึงคำสำคัญ ความหมาย และโครงสร้างที่จะใช้กับสารสนเทศที่รวบรวมได้ก่อนที่จะเขียนร่างแรก วิธีการนี้จะช่วยให้ผ่านอุปสรรคการเขียนได้ เพราะช่วยให้นักเรียนค้นพบความคิดสำคัญ แปลความหมายสิ่งที่รวบรวมมาเป็นภาษาของนักเรียนเอง รวมทั้งการได้โครงสร้างของเรื่องอย่างมีเหตุผล
5. การร่าง(Draft / Write) นักเรียนจะสามารถร่างข้อเขียนได้เมื่อมีสารสนเทศเพียงพอ มีความเข้าใจ มีการลำดับความคิดและมีโครงสร้างของเรื่องแล้ว
การเขียนร่างอาจแบ่งเป็นย่อหน้าแรก ที่เป็นการแนะนำหัวข้อ ชักจูงความสนใจของผู้อ่านและเสนอจุดสำคัญของเรื่อง 2-3 จุด ย่อหน้าต่อไปเป็นย่อหน้าสนับสนุน โดยนำจุดสำคัญมาเขียนเป็นย่อหน้าต่อเนื่องกันไป แต่ละย่อหน้ามีความคิดสำคัญ ระหว่างย่อหน้าควรมีการเชื่อมต่อให้เห็นความต่อเนื่อง และสุดท้ายเป็นย่อหน้าลงสรุป ซึ่งเป็นการสรุปความจากใจความสำคัญทั้งหมด และลงสรุปอย่างมีเหตุผล
6. การปรับปรุง(Revise) เป็นขั้นการปรับปรุงและการแก้ไข โดยใช้กลวิธีต่อไปนี้ในการพิจารณา คือ การอ่านออกเสียงให้ตัวเองฟัง อ่านช้าๆแล้วดูว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร โดยปิดข้อความทีละบรรทัดขณะที่อ่าน เพื่อดูว่าเนื้อหาดำเนินการอย่างต่อเนื่องและราบรื่นหรือไม่ นักเรียนเขียนยาวเกินไปหรือสั้นเกินไป โดยคำนึงถึงผู้อ่านที่ยังไม่รู้ในสิ่งที่นักเรียนเขียน
การปรับปรุงต้องยึดเค้าโครงเรื่องที่วางแผนไว้ และดูจากการจัดลำดับของย่อหน้าว่ามีเหตุผลหรือไม่ มีส่วนใดควรตัดออก หรือควรรวมเข้ากับส่วนอื่น การปรับปรุงเน้นที่เนื้อหา การสื่อสารและลีลาการเขียน
6. การพิสูจน์อักษร(Proofread) เป็นการตรวจสอบในเรื่องโครงสร้างทางภาษา การสะกดผิด โดยวิธีการตรวจร่วมกับผู้อื่น อ่านดังๆเพื่อให้ได้ยินและได้เห็น หรือรู้สึกสงสัยตลอดเวลาในการตรวจ
มีคำถามจากครูว่า"จะสอนให้นักเรียนสามารถระดมสมองและเขียนอย่างอิสระได้อย่างไร"มีคำตอบค่ะ
การระดมสมองมีแนวทางดังนี้
1. ใช้กระดาษเปล่า กำหนดเวลา 5-15 นาที
2. สรุปหัวข้อเรื่องเป็นวลี / ประโยค
3. เขียนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในใจ โดยคิดถึงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเรื่อง ทำอย่างสนุกสนาน หรือโดยตั้งคำถามและตอบคำถามเกี่ยวกับหัวข้อเรื่อง แม้จะเป็นคำถามแปลกๆก็ตาม
4. ทบทวนดูว่ามีคำ/ความคิด ที่จะนำมาใช้กับหัวข้อเรื่องอีกหรือไม่ และมีใจความสำคัญในลำดับความคิดหรือไม่
การเขียนอย่างอิสระจากจุดสนใจมีแนวทางดังนี้
1. ใช้กระดาษเปล่า กำหนดเวลา 5-15 นาที
2. สรุปหัวข้อเรื่องเป็นวลี/ประโยค ขณะเขียนปล่อยให้ความคิดลื่นไหลไป
3. เขียนอะไรก็ได้ที่เกิดขึ้นในใจ
4. อย่าหยุด อย่าลังเล ทำอย่างรวดเร็ว
5. ไม่มีการปรับปรุงสิ่งที่เขียน
6. เมื่อหมดเวลาแล้วให้ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น ปรับวลีเกี่ยวกับหัวข้อเรื่อง เขียนคำ/วลี/ความคิดสำคัญ/ความรู้สึกที่มีความหมาย
7. ปรับปรุง โดยดูคำและความคิดที่จะใช้กับหัวข้อเรื่อง ที่เป็นความคิดสำคัญของกลุ่มความคิด
"เหนื่อยนักหยุดพักสมอง...ผ่อนคลายให้มีพลัง เพื่อทำงานสอนต่ออย่างสนุก สุขใจและภูมิใจในความเป็นครูนะคะ" |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น